วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เคล็ด(ไม่)ลับการกำจัดเชื้อราภายในบ้าน

เข้าสู่หน้าฝนแบบนี้มองไปทางไหนก็ชื้นแฉะไปทั่ว ทั้งพื้น ทั้งผนัง ฝ้าเพดาน คุณอาจไม่แฮปปี้  แต่สภาวะเช่นนี้ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “เชื้อรา” จะชอบมากเพราะเป็นดั่งเวลาแห่งการเจริญเติบโต  นอกจากจะทำให้เกิดด่างดวงตามพื้นผิวบ้านจนดูไม่สวยงามแล้ว  ความร้ายกาจของเชื้อราจากสปอร์ขอมันที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าจะทำให้เราเจ็บป่วยจากอาการภูมิแพ้ ไอ จาม เจ็บคอ ปวดศีรษะ ผื่นแพ้และคัน ตาอักเสบ หรือหากแพ้หนักอาจถึงขั้นปอดอักเสบ หอบกำเริบและอาจอันตรายถึงชีวิต  ดังนั้น หยิบหน้ากากอนามัย N95 ที่ป้องกันเชื้อราได้ขึ้นมาสวมซะ  แล้วกำจัดเชื้อราในบ้านไปพร้อมๆ กัน กับเคล็ดลับที่เรานำมาฝากกันถึง 3 วิธี
 
วิธีที่ 1 น้ำส้มสายชู
เครื่องปรุงรสสามัญประจำบ้านแต่มีฤทธิ์กำจัดเชื้อราได้ชะงัก  เพียงแค่ราดน้ำส้มสายชูลงไปในบริเวณที่มีเชื้อรา ทำได้ทั้งพื้นและผนัง  แม้แต่รอยต่อวัสดุปิดผิวเคาน์เตอร์  ยาแนวกระเบื้องก็สามารถนะ  ทิ้งไว้สักครู่แล้วจึงใช้แปรงขัดออก จากนั้นเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น  เพียงเท่านี้เชื้อราร้ายก็ต้องยอมแพ้แต่โดยดี


วีธีที่ 2 แอลกอฮอล์
ลองเปิดตู้ยาประจำบ้านดู แอลกอฮอล์ที่ใช้ล้างแผลซึ่งมีความเข้มข้นมากกว่า 70% สามารถนำมาใช้ได้เลย  ราดแอลกอฮอลล์ลงไปในจุดที่มีเชื้อรา  ทิ้งไว้สักพัก  ใช้แปรงขัดเชื้อราออกเบาๆ  เช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นก็เป็นอันเรียบร้อย



วิธีที่ 3 สารฟอกขาว
แอดวานซ์ขึ้นอีกขั้นกับสารเคมีไม่ประจำบ้านแต่เป็นที่นิยมใช้ในการกำจัดเชื้อรา นั่นคือ “สารฟอกขาว” หรือชื่อทางเคมีคือ Sodium Hypochlorite  เป็นสารตัวเดียวกับที่ใช้ซักผ้าขาวนั่นแหละ  หรือจะใช้สำหรับทำความสะอาดเครื่องซักผ้าก็ได้   สารนี้มีคุณสมบัติในการทำลายล้างเชื้อราได้เป็นอย่างดีและเหมาะสมที่จะนำมาใช้ที่สุด  วิธีการก็ไม่ซับซ้อนเริ่มจากเจือจางสารด้วยน้ำในอัตราส่วน 1 มิลลิลิตรต่อน้ำ 1 ลิตร ผสมให้เข้ากัน แล้วนำไปทาพื้นผิวที่มีเชื้อรา พื้น ผนัง กำแพงปูนก็ใช้ได้  ทิ้งไว้สักครู่แล้วขัดด้วยแปรงเบาๆ ให้เชื้อราหลุดออก  แต่อย่าเพิ่งเช็ดหรือล้างทำความสะอาดทันที  ให้ทิ้งไว้ประมาณเจ็ดวัน จึงทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่นอีกครั้ง  เพียงเท่านี้เชื้อราร้ายก็จะไม่มากวนใจคุณไปอีกนาน  


แต่ก่อนจะลงมือทำ นอกจากจะต้องสวมหน้ากากให้มิดชิดแล้ว อย่าลืมสวมใส่เสื้อผ้าให้รัดกุมด้วยนะ แนะนำให้ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ถุงมือ ถุงเท้า เพื่อป้องกันอาการแพ้ที่ผิวหนังจากการสัมผัสกับละอองเชื้อรา


ทิปส์ - ในการเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น

ในปัจจุบันเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน กลายเป็นไอเท็มที่จำเป็นสำหรับแต่ละบ้าน การอาบน้ำอุ่นกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ของผู้คนไม่ว่าจะในสภาพอากาศใด การจะหาซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นสักเครื่องนั้นไม่ใช่เรื่องยากเพราะสามารถตรงไปยังแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าของห้างทั่วไป แต่การจะเลือกเครื่องทำน้ำอุ่นให้เหมาะกับบ้านของเรามากที่สุดนั้น คงต้องอาศัยหลักในการดูเล็กน้อย วันนี้ เรามี 6 ข้อง่ายๆ ที่ควรนึกถึงหากจะซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นสักเครื่องมาฝากกัน
1. ความต้องการในการใช้งาน
สิ่งแรกที่คุณต้องคำนึงถึงเมื่อคิดจะซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น คือความต้องการด้านการใช้งาน หากคุณอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมหรือเป็นครอบครัวขนาดเล็กและต้องการใช้น้ำอุ่นเฉพาะเวลาอาบน้ำ คุณควรเลือกใช้เครื่องทำน้ำอุ่น single point ที่ทำความร้อนจากเครื่องทำน้ำอุ่น 1 ตัวต่อ 1 จุด แต่หากคุณเป็นครอบครัวใหญ่และต้องการใช้น้ำอุ่นในหลายจุดในบ้าน อาทิ ในห้องอาบน้ำใหญ่ อ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำหรือแม้กระทั่งในห้องน้ำสำรอง คุณควรเลือกใช้เครื่องแบบ multi point ที่ให้ความร้อนของน้ำได้หลายจุดพร้อมๆ กันผ่านท่อน้ำร้อนและวาล์วผสมที่ติดตั้งไว้ในบ้าน แน่นอนว่าเครื่องแบบ multi point อาจให้ความสะดวกสบายมากกว่า แต่ยิ่งให้ความร้อนหลายจุด พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
2. กำลังไฟที่บ้านของคุณ
เครื่องทำน้ำอุ่นนั้นมีกำลังไฟที่หลากหลายขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งาน ก่อนเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น ควรตรวจดูกำลังไฟในบ้านของคุณโดยสังเกตที่มิเตอร์ไฟ ตัวอย่างเช่น หากที่บ้านใช้มิเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 5 (15) คุณควรใช้เครื่องทำน้ำอุ่นกำลังไฟไม่เกิน 3,500 วัตต์, หากที่บ้านใช้มิเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 15 (45) ควรใช้เครื่องทำน้ำอุ่นกำลังไฟไม่เกิน 4,500 วัตต์ หรือ 6,000 วัตต์
3. ประเภทของหม้อต้ม
วัสดุที่ใช้ในการทำหม้อต้มคืออีกส่วนสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น
- หม้อต้มทองแดง มีข้อดีคือทนทานจากความร้อนจากแรงดันน้ำ ให้อายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่ข้อเสียคือมีราคาสูง
- หม้อต้มแบบพลาสติก มีข้อดีเนื่องจากให้ความร้อนได้เร็ว จึงประหยัดพลังงานมากกว่า ตัวเครื่องมีราคาถูกกว่าหม้อต้มแบบทองแดง อย่างไรก็ตามหม้อต้มที่ทำจากพลาสติกอาจมีอายุการใช้งานไม่คงทนเท่าหม้อต้มที่ทำจากทองแดง
- หม้อต้มที่ใช้ขดลวดทองแดงในการให้ความร้อน ข้อดีคือหม้อต้มชนิดนี้ให้ความร้อนเร็ว ข้อเสียคืออุณหภูมิของน้ำร้อนจะไม่คงที่
4. เทคโนโลยีในการประหยัดพลังงาน
เครื่องทำน้ำอุ่นนั้นคือหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่ใช้กำลังไฟมาก การเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นควรมองหาเครื่องที่ได้รับมาตรฐานประหยัดไฟเบอร์ 5 นอกจากนี้ ยังควรมองหาเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดการใช้พลังงาน อาทิ เทคโนโลยี Aero Jet ซึ่งเป็นการดึงเอาออกซิเจนในอากาศเข้าไปแทนที่น้ำ จึงช่วยประหยัดน้ำ แต่ยังคงความแรงของสายน้ำอุ่นเท่าเดิม และช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 40%
5. ความปลอดภัย
น้ำและไฟฟ้าเป็นสิ่งอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นการเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอย่างมาก นอกเหนือจากการติดตั้งสายดิน ผู้บริโภคควรมองหา
- เครื่องทำน้ำอุ่นที่มีระบบตัดกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติ เมื่อไฟฟ้ารั่วหรือเกิน ELSD (Earth Leakage Safety Device) หรือ ELCB (Earth Leakage Circuit Breaker)
- ระบบตัดการทำงานของเครื่องโดยอัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิของน้ำสูงเกินแบบ 2 ขั้นตอน (ในเครื่องทำน้ำอุ่น)
- มีมาตรฐานป้องกันน้ำเข้าเครื่อง (International Protection Rating) IP 24 และ IP 25
- ความปลอดภัยเล็กๆ น้อยๆ อาทิ เครื่องควรมาพร้อมยางป้องกันน้ำเข้าทางช่องร้อยสายไฟ สายไฟทุกเส้นได้มาตรฐาน, ระบบป้องกันหม้อทำความร้อนไหม้ (No Run Dry), ระบบ Automatic flow switch on/off control ช่วยควบคุมเครื่องให้ทำงานเฉพาะเวลาที่มีน้ำไหลผ่านเท่านั้น
6. บริการหลังการขายและการันตี
ควรเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีการประกันที่ครอบคลุม มีศูนย์ซ่อมที่สามารถติดต่อได้ง่าย อาทิ มีเบอร์โทรศัพท์ตรงสำหรับ call center, พนักงานสามารถให้คำตอบและข้อมูลแก่ลูกค้าได้อย่างถูกต้อง

เทคนิคในการกำจัดคราบบนผนัง

ปัญหาน่าปวดหัวประการหนึ่งสำหรับบรรดาคนรักบ้านทั้งหลายคือการที่มีคราบและสิ่งสกปรกเกาะติดอยู่บนผนัง ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่คราบสกปรกเหล่านั้นทำให้บ้านดูไม่สวยงามน่าอยู่ วันนี้ banpoh.blogspot.com ขอเอาใจเหล่าพ่อบ้าน แม่เรือนทั้งหลายด้วยการนำเทคนิคในการกำจัดคราบที่ติดอยู่บนผนังอย่างมีชั้นเชิงมาฝาก

คราบดินโคลนและคราบเครื่องดื่ม
ใช้แปรงขนแข็งขัดบริเวณที่มีคราบดินโคลนด้วยน้ำอุ่นผสมน้ำยาทำความสะอาดพื้นและล้างออกด้วยน้ำสะอาด ในกรณีที่คราบยังคงติดฝังลึก ให้ราดน้ำจนเปียกและใช้น้ำยาฟอกขาวราดให้ทั่วบริเวณ ขัดให้สะอาดแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำ
คราบหมากฝรั่ง
เริ่มต้นจากการทำหมากฝรั่งให้แข็งโดยการเอาน้ำแข็งประคบและขูดออกมาให้ได้มากที่สุด จากนั้นนำน้ำยาบ้วนปาก หรือวัสดุที่มีคุณสมบัติดูดซับได้ดี เช่น เมทิลแอลกอฮอล์ มาผสมจนมีลักษณะอิ่มตัว พอกไว้ตรงบริเวณคราบ ทิ้งไว้ให้แห้งจนคราบเกิดการเปราะ แล้วจึงใช้ขนแปรงแข็งๆ ขัดคราบส่วนที่เหลือ และจบด้วยการทำความสะอาดบริเวณทั้งหมดตามปกติอีกครั้ง
คราบเกลือ
ขูดคราบออกด้วยแปรงที่มีขนแข็ง ถ้าคราบเกลือยังคงติดแน่น ให้ลองใช้กรดไฮโดรคลอริก 1 ส่วนต่อน้ำ 20 ส่วน โดยเริ่มจากการฉีดน้ำที่พื้นผิวคอนกรีตให้ชุ่ม ปล่อยให้หมาด และราดด้วยกรดเจือจางที่ผสมไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ตามด้วยการล้างด้วยน้ำสะอาดอีกหลายๆ รอบ
ข้อควรระวังในการใช้กรด
• ในการผสมสารเคมี ควรเจือจางกรดด้วยการเติมกรดลงในน้ำที่เตรียมไว้ ห้ามเติมน้ำลงไปเจือจางกรด
• กรดสามารถทำลายพื้นผิวของคอนกรีตได้ ในการใช้จึงจะต้องเจือจางก่อนและล้างทำความสะอาดทันทีหลังจากการใช้งาน

คราบเชื้อรา 
เริ่มต้นจากใช้น้ำยาฟอกขาว ราดให้ทั่วบริเวณที่เป็นคราบ ตามด้วยการขัดให้สะอาด แล้วล้างออกด้วยน้ำหลายๆ รอบ ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วค่อยขัดคราบเชื้อราที่เหลืออยู่
คราบน้ำมันและคราบจาระบี
คราบน้ำมันและจาระบี ถือเป็นคราบที่กำจัดยากที่สุด เพราะสามารถซึมและฝังตัวในเนื้อคอนกรีตได้ เมื่อน้ำมันหรือจาระบีหกควรหยุดการแพร่กระจายเป็นวงกว้างโดยการนำทราย, ดิน หรือขี้เลื่อยล้อมบริเวณไว้ จากนั้นใช้ผ้าหรือวัสดุที่สามารถดูดซับได้ดี มาซับออกให้หมด แล้วจึงเข้าสู่ปฏิบัติการกำจัดคราบให้สะอาด
เริ่มจากการใช้ปูนขาว 1 ส่วน ผสมกับน้ำมันสน 2 ส่วน พอกทั่วบริเวณคราบให้หนาและพอกให้เกินบริเวณคราบไปสัก 5-10 ซม. ตามด้วยการคลุมพลาสติกทิ้งเอาไว้หนึ่งวัน แล้วขูดออก สามารถทำซ้ำกระบวนการนี้จนกว่าจะสามารถกำจัดคราบได้ตามพอใจ และทำความสะอาดด้วยผงซักฟอกในขั้นตอนสุดท้าย
คราบรอยเปื้อนไม้
ขัดบริเวณคราบรอยเปื้อนด้วยน้ำยาฟอกขาว เริ่มต้นด้วยการใช้ผ้าจุ่มน้ำยาฟอกขาวให้ชุ่มแล้วนำมาโปะเอาไว้สักครู่ โดยทำซ้ำจนกว่าจะได้ผลที่พอใจ ต่อด้วยกระบวนการทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดพื้นและล้างออกด้วยน้ำสะอาดในขั้นตอนสุดท้าย
เนื่องจากสารเคมีต่างๆ ที่นำมาใช้ทำความสะอาดนี้ หลายชนิดมีความอันตรายหากนำมาใช้ด้วยความประมาทและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้น เราควรใช้ความระมัดระวัง โดยมีข้อปฏิบัติดังนี้
• อ่านขั้นตอนการเตรียมสารละลายที่แนะนำมาจากผู้ผลิตอย่างละเอียดและทำตามอย่างเคร่งครัด
• เตรียมการปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากเกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น โดยเตรียมข้อมูลการปฐมพยาบาลและอุปกรณ์การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
• สวมเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม
• ปฎิบัติงาน อาทิ การเตรียมสารเคมีต่างๆ ในที่ที่มีอากาศถ่ายเท